วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559

Diary notes2

Diary notes


วิชา  การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
(Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood)
อาจารย์ผู้สอน  อาจารย์ตฤณ แจ่มถิน
วัน/เดือน/ปี 20/01/59
เรียนครั้งที่ 2 เวลาเรียน 08:30 - 12:30
กลุ่ม 102 วันพุธ ห้อง 223


Knowledge







ความหมายของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
  1. ทางการแพทย์  มักจะเรียกเด็กที่มีความต้องการพิเศษว่า “เด็กพิการ”
    หมายถึง เด็กที่มีความผิดปกติ มีความบกพร่อง สูญเสีย สมรรถภาพ อาจเป็นความผิดปกติ ความบกพร่องทางกาย การสูญเสียสมรรถภาพทางสติปัญญา ทางจิตใจ
  2. ทางการศึกษา
    ให้ความหมายเด็กที่มีความต้องการพิเศษว่าหมายถึง เด็กที่มีความต้องการทางการศึกษาเฉพาะของตัวเอง ซึ่งจำเป็นต้องจัดการศึกษาให้ต่างไปจากเด็กปกติทางด้านเนื้อหา หลักสูตร กระบวนการที่ใช้ และการประเมินผล



สรุปได้ว่าเด็กที่มีความต้องการพิเศษหมายถึง

  • เด็กที่ไม่อาจพัฒนาความสามารถได้เท่าที่ควรจากการให้การช่วยเหลือ และการสอนตามปกติ
  • มีสาเหตุจากสภาพความ บกพร่องทางร่างกาย สติปัญญา และอารมณ์ 
  • จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้น ช่วยเหลือ การบำบัด และฟื้นฟู
  • จัดการเรียนการสอนที่เหมาะกับลักษณะ และความต้องการของเด็กแต่ละบุคล


พฤติกรรมและพัฒนาการของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

พัฒนาการ
  • การเปลี่ยนแปลงในด้านการทำหน้าที่และวุฒิภาวะของอวัยวะต่างๆรวมทั้งตัวบุคคล
  • ทำให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ 
  • เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน
  • พัฒนาการล่าช้าอาจพบเพียงด้านใดด้านหนึ่ง หลายด้าน หรือทุกด้าน
  • พัฒนาการล่าช้าในด้านหนึ่งอาจส่งผลให้พัฒนาการในด้านอื่นล่าช้าด้วยก็ได้

ปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการเด็ก
  1. ปัจจัยทางด้านชีวภาพ 
  2. ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมก่อนคลอด     
  3. ปัจจัยด้านกระบวนการคลอด      
  4. ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมหลังคลอด

สาเหตุที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการ

1.พันธุกรรม  เด็กจะมีพัฒนาการล่าช้ามาตั้งแต่เกิดหรือสังเกตได้ชั่วระยะไม่นานหลังเกิด  มักมีลักษณะ

ผิดปกติแต่กำเนิดร่วมด้วย




Cleft Lip / Cleft Palate




ธาลัสซีเมีย



Albinism(ผิวเผือก)




Neurofibromatosis(เท้าแสนปม)



2. โรคของระบบประสาท
  • เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการส่วนใหญ่มักมีอาการหรืออาการแสดงทางระบบประสาทร่วมด้วย  
  • ที่พบบ่อยคืออาการชัก


3. การติดเชื้อ
  • การติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์ น้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย ศีรษะเล็กกว่าปกติ อาจมีตับม้ามโต การได้ยินบกพร่อง ต้อกระจก
  • นอกจากนี้การติดเชื้อรุนแรงภายหลังเกิด เช่น สมองอักเสบ เยื้อหุ้มสมองอักเสบ เป็นสาเหตุที่พบได้บ้าง



4. ความผิดปกติเกี่ยวกับเมตาบอลิซึม
  • โรคที่ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขไทย คือ ไทรอยด์ฮอร์โมนในเลือดต่ำ


5. ภาวะแทรกซ้อนระยะแรกเกิด
  • การเกิดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย และภาวะขาดออกซิเจน


6. สารเคมี

  • ตะกั่วเป็นสารที่มีผลกระทบต่อเด็กและมีการศึกษามากที่สุด
  • มีอากาศซึมเศร้า เคลื่อนไหวช้า ผิวดำหมองคล้ำเป็นจุดๆ 
  • ภาวะตับเป็นพิษ
  • ระดับสติปัญญาต่ำ

แอลกอฮอล์


  • น้ำหนักแรกเกิดน้อย
  • มีอัตราการเพิ่มน้ำหนักหลังเกิดน้อย ศีรษะเล็ก
  • พัฒนาการของสติปัญญาก็มีความบกพร่อง
  • เด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์






Fetal alcohol syndrome, FAS

  • ช่องตาสั้น  
  • ร่องริมฝีปากบนเรียบ
  • ริมฝีปากบนยาวและบาง  
  • หนังคลุมหัวตามาก
  • จมูกแบน 
  • ปลายจมูกเชิดขึ้น



นิโคติน
  • น้ำหนักแรกเกิดน้อย ขาดสารอาหารในระยะตั้งครรภ์
  • เพิ่มอัตราการตายในวัยทารก
  • สติปัญญาบกพร่อง 
  • สมาธิสั้น พฤติกรรมก้าวร้าว มีปัญหาด้านการเข้าสังคม




7. การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมรวมทั้งการขาดสารอาหาร


8. สาเหตุอื่นๆ
  • อุบัติเหตุ


อาการของเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ

  • มีพัฒนาการล่าช้าซึ่งอาจจะพบมากกว่า 1 ด้าน
  • ปฏิกิริยาสะท้อน (primitive reflex) ไม่หายไป
  • แม้จะถึงช่วงอายุที่ควรจะหายไป



แนวทางการวินิจฉัยเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ

1. การซักประวัติ
  • โรคประจำตัว โรคทางพันธุกรรม 
  • การเจ็บป่วยในครอบครัว 
  • ประวัติฝากครรภ์  
  • ประวัติเกี่ยวกับการคลอด      
  • พัฒนาการที่ผ่านมา
  • การเล่นตามวัย การช่วยเหลือตนเอง   
  • ปัญหาพฤติกรรม    
  • ประวัติอื่นๆ


เมื่อซักประวัติแล้วจะสามารถบอกได้ว่า
  • ลักษณะพัฒนาการล่าช้าเป็นแบบคงที่ หรือถดถอย
  • เด็กมีระดับพัฒนาการช้าหรือไม่ อย่างไร อยู่ในระดับไหน
  • มีข้อบ่งชี้ว่ามีสาเหตุจากโรคทางพันธุกรรมหรือไม่
  • สาเหตุของความบกพร่องทางพัฒนาการนั้นเกิดจากอะไร
  • ขณะนี้เด็กได้รับการช่วยเหลือและฟื้นฟูอย่างไร

2. การตรวจร่างกาย
  • ตรวจร่างกายทั่วๆไปและการเจริญเติบโต
  • ภาวะตับม้ามโต 
  • ผิวหนัง
  • ระบบประสาทและวัดรอบศีรษะด้วยเสมอ
  • ดูลักษณะของเด็กที่ถูกทารุณกรรม (child abuse)
  • ระบบการมองเห็นและการได้ยิน



3. การสืบค้นทางห้องปฏิบัติการ


4.การประเมินพัฒนาการ
  • การประเมินที่ใช้ในเวชปฏิบัติ


Gesell Drawing Test







Skill
  • ทักษะการคิด
  • ทักษะการตอบคำถาม

Adoption

   สามารถนำความรู้เกียวกับอาการต่างๆ การดูแล การรักษา การที่เราต้องปรับตัวให้เข้ากับเด็กให้ได้ ต้องมีความรักและความเมตตาที่แท้จริง ต้องส่งเสริมเด็กทุกคนให้เกิดประโยชน์สูงสุด


Evaluation


Self = เข้าเรียนตรงต่อเวลา การแต่งตัวเรียบร้อย ร่วมทำกิจกรรมและตั้งใจทำกิจกรรม ทุกๆกิจกรรม        และได้พัฒนาความคิดของตนเองด้วย

Friends = เพื่อนๆส่วนใหญ่ก็จะตั้งใจฟังอาจารย์ดี และตั้งใจทำกิจกรรม


Teacher = อาจารย์จะสอนและคอยอธิบายให้นักศึกษาฟังอย่างละเอียดเสมอและคอยกระตุ้นให้             นักศึกษาฝึกการคิดและมีเทคนิคต่างๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น