วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย |
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ แจ่มถิน
วัน/เดือน/ปี 03/02/59
เรียนครั้งที่ 4 เวลาเรียน 08:30 - 12:30
กลุ่ม 102 วันพุธ ห้อง 223
วัน/เดือน/ปี 03/02/59
เรียนครั้งที่ 4 เวลาเรียน 08:30 - 12:30
กลุ่ม 102 วันพุธ ห้อง 223
Knowledge
4. เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา
(Children
with Speech and Language Disorders)
เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด
- หมายถึง
เด็กที่มีความบกพร่องซึ่งเกิดจากการพูดผิดปกติ
ในด้านความชัดเจนในการปรับปรุงแต่งระดับและคุณภาพของเสียง
จังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด
1.ความบกพร่องในด้านการปรุงเสียง
(Articulator
Disorders)
- เสียงบางส่วนของคำขาดหายไป
"ความ" เป็น "คาม"
- ออกเสียงของตัวอื่นแทนตัวที่ถูกต้อง
"กิน" "จิน" กวาด ฟาด
- เพิ่มเสียงที่ไม่ใช่เสียงที่ถูกต้องลงไปด้วย
"หกล้ม" เป็น "หก-กะ-ล้ม"
- เสียงเพี้ยนหรือแปล่ง
"แล้ว" เป็น "แล่ว"
2.ความบกพร่องของจังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด
(speech
Flow Disorders)
- พูดไม่ถูกตามลำดับขั้นตอน
ไม่เป็นไปตามโครงสร้างของภาษา
- การเว้นวรรคตอนไม่ถูกต้อง
- อัตราการพูดเร็วหรือช้าเกินไป
- จังหวะของเสียงพูดผิดปกติ
- เสียงพูดขาดความต่อเนื่อง
สละสลวย
3.ความบกพร่องของเสียงพูด (Voice Disorders)
- ความบกพร่องของระดับเสียง
- เสียงดังหรือค่อยเกินไป
- คุณภาพของเสียงไม่ดี
ความบกพร่องทางภาษา
- หมายถึง
การขาดความสามารถที่จะเข้าใจความหมายของคำพูด
และ/หรือไม่สามารถแสดงความคิดออกมาเป็นถ้อยคำได้
1.การพัฒนาการทางภาษาช้ากว่าวัย
(Delayed
Language)
- มีความยากลำบากในการใช้ภาษา
- มีความผิดปกติของไวยากรณ์และโครงสร้างของประโยค
- ไม่สามารถสร้างประโยคได้
- มีความบกพร่องทางเชาว์ปัญญา
อารมณ์ สมองผิดปกติ
- ภาษาที่ใช้เป็นภาษาห้วน
ๆ
2.ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิสภาพที่สมอง
โดยทั่วไปเรียกว่า Dysphasia หรือ aphasia
- อ่านไม่ออก (alexia)
- เขียนไม่ได้ (agraphia)
- สะกดคำไม่ได้
- ใช้ภาษาสับสนยุ่งเหยิง
- จำคำหรือประโยคไม่ได้
- ไม่เข้าใจคำสั่ง
- พูดตามหรือบอกชื่อสิ่งของไม่ได้
Gerstmann’s
syndrome
- ไม่รู้ชื่อนิ้ว (finger agnosia)
- ไม่รู้ซ้ายขวา (allochiria)
- คำนวณไม่ได้ (acalculia)
- เขียนไม่ได้ (agraphia)
- อ่านไม่ออก (alexia)
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
- ในวัยทารกมักเงียบผิดธรรมชาติ
ร้องไห้เบา ๆ และอ่อนแรง
- ไม่อ้อแอ้ภายในอายุ
10 เดือน
- ไม่พูดภายในอายุ
2 ขวบ
- หลัง 3
ขวบแล้วภาษาพูดของเด็กก็ยังฟังเข้าใจยาก
- หลัง 3
ขวบแล้วภาษาพูดของเด็กก็ยังฟังเข้าใจยาก
- ออกเสียงตัวสะกดไม่ได้
- หลัง 5 ขวบ
เด็กยังคงใช้ภาษาที่เป็นประโยคไม่สมบูรณ์ในระดับประถมศึกษา
- มีปัญหาในการสื่อความหมาย
พูดตะกุกตะกัก
- ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย
- เด็กที่มีอวัยวะไม่สมส่วน
- อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป
- เจ็บป่วยเรื้อรังรุนแรง
- มีปัญหาทางระบบประสาท
- มีความลำบากในการเคลื่อนไหว
โรคลมชัก
(Epilepsy)
- เป็นลักษณะอาการที่เกิดเนื่องมาจากความผิดปกติของระบบสมอง
- มีกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติและมากเกินปล่อยออกมาจากเซลล์สมองพร้อมกัน
1.การชักในช่วงเวลาสั้น ๆ (Petit Mal)
- อาการเหม่อนิ่งเป็นเวลา 5-10วินาที
- มีการกระพริบตาหรืออาจมีเคี้ยวปาก
- เมื่อเกิดอาการชักเด็กจะหยุดชะงักในท่าก่อนชัก
- เด็กจะนั่งเฉย
หรือเด็กอาจจะตัวสั่นเล็กน้อย
2.การชักแบบรุนแรง (Grand Mal)
- เมื่อเกิดอาการชัก
เด็กจะส่งเสียง หมดความรู้สึก ล้มลง กล้ามเนื้อเกร็ง เกิดขึ้นราว 2-5 นาที
จากนั้นจะหาย และนอนหลับไปชั่วครู
3.อาการชักแบบ (Partial Complex)
- มีอาการประมาณไม่เกิน 3 นาที
- เหม่อนิ่ง
- เหมือนรู้สึกตัวแต่ไม่รับรู้และไม่ตอบสนองต่อคำพูด
- หลังชักอาจจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้
และต้องการนอนพัก
4.อาการไม่รู้สึกตัว (Focal Partial)
- เป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะสั้น
เด็กไม่รู้สึกตัว อาจทำอะไรบางอย่างโดยที่ตัวเองไม่รู้ เช่น ร้องเพลง
ดึงเสื้อผ้า เดินเหม่อลอย แต่ไม่มีอาการชัก
- เมื่อเกิดอาการชักจะทำให้หมดสติ
และหมดความรู้สึกในขณะชักกล้ามเนื้อเกร็งหรือแขนขากระตุก กัดฟัน กัดลิ้น
การปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐาน
ในกรณีเด็กมีอาการชัก
- จับเด็กนอนตะแคงขวาบนพื้นราบที่ไม่มีของแข็ง
- ไม่จับยึดตัวเด็กขณะชัก
- หาหมอนหรือสิ่งนุ่มๆรองศีรษะ
- ดูดน้ำลาย เสมหะ
เศษอาหารออกจาปาก เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง
- จัดเสื้อผ้าเด็กให้หลวม
- ห้ามนำวัตถุใดๆใส่ในปาก
- ทำการช่วยหายใจโดยวิธีการเป่าปากหากเด็กหยุดหายใจ
- การเป็นอัมพาตเนื่องจากระบบประสาทสมองพิการ
หรือเป็นผลมาจากสมองที่กำลังพัฒนาถูกทำลายก่อนคลอด ระหว่างคลอด หรือหลังคลอด
- การเคลื่อนไหว
การพูด พัฒนาการล่าช้า เด็กซีพี มีความบกพร่องที่เกิดจากส่วนต่าง ๆ
ของสมองแตกต่างกัน
- spastic hemiplegia อัมพาตครึ่งซีก
- spastic diplegia อัมพาตครึ่งท่อนบน
- spastic paraplegia อัมพาตครึ่งท่อนล่าง
- spastic quadriplegia อัมพาตทั้งตัว
- athetoid อาการขยุกขยิกช้า
ๆ หรือเคลื่อนไหวเร็วๆที่เท้า แขน มือ หรือที่ใบหน้าของ
เด็กบางรายอาจมีคอเอียง ปากเบี้ยวร่วมด้วย
- ataxia มีความผิดปกติในการทรงตัวของร่างกาย
กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
(Muscular
Distrophy)
- เกิดจากเส้นประสาทสมองที่ควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้น
ๆ เสื่อมสลายตัว
- เดินไม่ได้
นั่งไม่ได้ นอนอยู่กับที่
- จะมีความพิการซ้อนในระยะหลัง
คือ ความจำแย่ลง สติปัญญาเสื่อม
โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ
(Orthopedic)
- ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการแต่กำเนิด
เช่น เท้าปุก (Club Foot) กระดูกข้อสะโพกเคลื่อน
อัมพาตครึ่งท่อนเนื่องจากกระดูกไขสันหลังส่วนล่างไม่ติด (Spina Bifida)
- ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยโรคติดเชื้อ
(Infection) เช่น วัณโรค กระดูกหลังโกง
กระดูกผุ เป็นแผลเรื้อรังมีหนอง เศษกระดูกผุ
- กระดูกหัก
ข้อเคลื่อน ข้ออักเสบ
- มีอาการกล้ามเนื้อลีบเล็ก
แต่ไม่มีผลกระทบต่อสติปัญญา
- ยืนไม่ได้
หรืออาจปรับสภาพให้ยืนเดินได้ด้วยอุปกรณ์เสริม
โรคอื่นๆ
- โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus )
- โรคหัวใจ (Cardiac Conditions)
- โรคมะเร็ง (Cancer)
- เลือดไหลไม่หยุด
(Hemophilia)
- ลักษณะของเด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
- มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
- ท่าเดินคล้ายกรรไกร
- เดินขากะเผลก
หรืออึดอาดเชื่องช้า
- ไอเสียงแห้งบ่อย
ๆ
- มักบ่นเจ็บหน้าอก
บ่นปวดหลัง
- หน้าแดงง่าย
มีสีเขียวจางบนแก้ม ริมฝีปากหรือปลายนิ้ว
- หกล้มบ่อย ๆ
- หิวและกระหายน้ำอย่างเกินกว่าเหตุ
Skill
- ทักษะการคิด
- ทักษะการตอบคำถาม
Adoption
สามารถนำความรู้เกียวกับอาการต่างๆ การดูแล การรักษา การที่เราต้องปรับตัวให้เข้ากับเด็กให้ได้ ต้องมีความรักและความเมตตาที่แท้จริง ต้องส่งเสริมเด็กทุกคนให้เกิดประโยชน์สูงสุด นำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในการเรียนการสอนเด็กที่มีความต้องการเป็นพิเศษ คอยช่วยเหลือและให้คำปรึกษาผู้ปกครองได้
Evaluation
Self = เข้าเรียนตรงต่อเวลา การแต่งตัวเรียบร้อย ร่วมทำกิจกรรมและตั้งใจทำกิจกรรม ทุกๆกิจกรรม และได้พัฒนาความคิดของตนเองด้วย
Friends = เพื่อนๆส่วนใหญ่ก็จะตั้งใจฟังอาจารย์ดี และตั้งใจทำกิจกรรม
Teacher = อาจารย์จะสอนและคอยอธิบายให้นักศึกษาฟังอย่างละเอียดเสมอและคอยกระตุ้นให้ นักศึกษาฝึกการคิดและมีเทคนิคต่างๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น